วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

30 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแมว

30 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแมว
คนรักแมวทั้งหลายเชื่อว่าแมวเป็นสัตว์ที่น่าอัศจรรย์ แต่คุณรู้ไหมว่าแมวเป็นสัตว์ที่น่าทึ่งกว่าที่คุณคิดเสียอีก ถ้าคุณอ่านเรื่องน่ารู้สำหรับแมวนี้แล้วคุณจะรู้จักแมวของคุณได้ดีขึ้นและมีความภาคภูมิใจมากขึ้นอีกที่ได้เป็นเจ้าของแมว
  • แมวมีสมองที่ใกล้เคียงกับคุณมากกว่าสุนัข สมองของคนและแมวมีส่วนของสมองที่แสดงออกถึงอารมณ์เหมือนกัน
  • แมวใช้เวลากว่า 30% ในช่วงที่เขาตื่นเลียขนทำความสะอาดตัวเอง
  • โดยเฉลี่ยแล้วแมวใช้เวลา 2 ใน 3 ของชีวิตไปกับการนอน นั่นหมายถึงแมวที่มีอายุ 12 ปี เขาตื่นเพียง 4 ปีเท่านั้น
  • แมวที่มีขนขาวบริสุทธิ์และตาสีฟ้า มักจะหูหนวก
  • การลูบไล้จะช่วยลดความดันโลหิตได้
  • เสียงครางในลำคอของแมวไม่ได้หมายความว่าแมวมีความสุขเสมอ บางครั้งทำเสียงครางเบาๆก็เพื่อปลอบใจตัวเองเมื่อรู้สึกเจ็บหรือหวาดกลัว
  • ถ้าแมวเพศเมียได้ผสมกับแมวเพศผู้หลายตัวในการเป็นสัดครั้งหนึ่ง ลูกแมวในครอกนั้นอาจมีคนละพ่อกันได้
  • แมวตั้งท้องประมาณ 62 - 65 วัน นับจากวันที่ผสมจนถึงวันคลอด
  • แมวมีความไวต่อแรงสั่นสะเทือนสูงมาก ดังนั้นแมวจะได้รับสัมผัสแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวได้ก่อนมนุษย์ 10 - 15 นาที
  • แมวตัวเมียจะเรียกกันทั่วไปว่า ควีนหรือมอลลี่ และแมวตัวผู้เมื่อทำหมันแล้วจะถูกเรียกว่า กิ๊บ
  • ฉี่ของแมวจะเรืองแสง เมื่อถูกส่งด้วยแสงแบล๊คไลท์
  • โดยปกติแมวจะไม่ร้องเสียงเหมืยวใส่แมวตัวอื่น จะร้องเสียงนี้ใส่คนเท่านั้น แต่จะทำเสียงครวญครางและเสียงขู่ใส่แมวตัวอื่น
  • แมวที่แพงที่สุดที่เคยทำสถิติไว้ คือแมวที่ทำโคลนนิ่ง จากแมงที่มีอายุมาก ซึ่งมีราคาถึง 50,000 เหรีญสหรัฐ
  • แมวเพศเมียมักถนัดใช้มือขวา ส่วนแมวเพศผู้มักถนัดซ้าย
  • แมวตัวเมียเป็นสัดได้หลายครั้งใน 1 ปี การเป็นสัดแต่ละครั้งนาน 4 - 7 วันหากได้รับการผสม ไม่เช่นนั้นแล้วการเป็นสัดก็จะนานวันไปอีก
  • แมวที่พบว่ามีอายุมากที่สุด คือ 38 ปีแมวส่วนใหญ่สุขภาพดีอยู่ได้ถึง 20 ปี
  • แมวสามารถลอดช่องว่างเล็กเท่าไหร่ก็ได้ตราบใดที่หัวผ่านได้เพราะแมวไม่มีกระดูกไหปลาร้า
  • แมวส่วนใหญ่ไม่ชอบน้ำเพราะขนของเขาไม่สามารถป้องกันความร้อน-เย็นได้เมื่อเปียก แต่แมวบางพันธุ์ชอบว่ายน้ำมากเพราะขนของเขาค่อนข้างกันน้ำ
  • แมวชอบผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อาจเพราะผู้หญิงมีเสียงที่สูงกว่า
  • ไม่ควรเลี้ยงแมวด้วยปลาทูน่าติดต่อกันนานเกินไป เพราะปลาทูน่าไม่มีสารทอรีน และจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้
  • ถ้ามีน้ำให้กินได้อย่างพอเพียง แมวสามารถทนอยู่ในที่ร้อนๆได้ถึง 50 องศาเซลเซียส
  • แมวตอบสนองต่อเสียงหรือชื่ที่ลงท้ายด้วยเสียงสระ อี ได้ดีกว่าเสียงอื่น
  • แมวไม่มีต่อมเหงื่อ ยกเว้นที่อุ้งเท้า
  • แมวทำเสียงต่างๆได้ประมาณ 100 เสียง ในขณะที่สุนัขทำได้แค่ 10 เสียง    
  • ถ้าจะทำหันแมวตัวเมียควรจะทำก่อนที่จะเป็นสัดครั้งแรกหรือครั้งที่สอง จะช่วยลดโอกาสการเป็นมะเร็งที่เต้านมและโรคทางเดินปัสสาวะ
  • ควรทำหมันแมวตัวผู้ก่อนที่เขาจะรู้จักวิธีพ่นปัสสาวะใส่สิ่งของ เพราะส่วนใหญ่จะสามารถลดการทำเช่นนั้นได้ และยังช่วยลดปัญหาการทะเลาะกับแมวตัวผู้อื่นๆด้วย
  • แมวจะสร้างอาณาเขตของตัวเองโดยการถูต่อมกลิ่นที่อยู่บนหน้า อุ้งเท้า และหาง กับตัวคนเรา เป็นการบอกให้แมวตัวอื่นรู้ว่าบุคคลนั้นเป็นสมบัติของเขา
  • แมวจะไม่ลงจากต้นไม้โดยเอาหัวลง แต่จะถอยหลังลงเพราะตำแหน่งของเล็บที่อุ้งเท้าไม่อำนวยให้เข้าทำเช่นนั้น
  • ถ้าแมวเอาหน้าเขาไปถูกับตัวคุณ แปลว่าเขายอมรับและแสดงความรักกับคุณ
  • ในยุโรปและอเมริกาเหนือ แมวสีดำถือว่าเป็นลางไม่ดี แต่ในประเทศอังกฤษและออสเตรเลียถือว่าให้โชค 
ที่มา : บทความจาก Shamu : May - July 2013 , Volume 14  Number 3

วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

โรคภัยที่เกิดขึ้นกับแมว

โรคของแมวที่สำคัญก็คือโรคติดต่อเพราะจะมีอาการรุนแรงอาจถึงตายได้ โดยจะสามารถติดต่อถึงคนได้อยู่ 2 โรค คือโรคพิษสุนัขบ้าและโรคพยาธิท๊อกโซพลาสโมซิส ซึ่งถ้าติดต่อถึงหญิงตั้งครรภ์แล้วจะทำให้เด็กทารกพิการได้ ดังนี้ทางที่ดีก็คืออย่าให้หญิงตั้งครรภ์อยู่กับแมว ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า รายละเอียดของโรคติดต่อชนิดต่าง ๆ ของแมวมีดังนี้
โรคพิษสุนัขบ้า
เกิดจากเชื้อเรบีส์ไวรัสที่ทำลายประสาท เมื่อแสดงอาการแล้วไม่สามารถรักษาได้ แต่ป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดสามารถเป็นโรคนี้ได้ โดยติดต่อจากไวรัสในน้ำลาย สำหรับอาการของแมวที่เป็นโรคนี้มีอยู่ 3 ระยะ คือ
ระยะแรก แมวจะมีนิสัยแปลกไปอาจจะมาคลอเคลียเจ้าของมากขึ้น มีอาการตกใจง่าย ม่านตาขยาย น้ำลายไหล และอาจไล่งับอากาศร้องตลอดเวลา กล้ามเนื้อใบหน้ากระตุก เป็นอยู่ประมาณ2 - 3 วัน
ระยะที่สอง แมวจะไวต่อการกระตุ้นทุกประเภท กลืนอาหารลำบาก น้ำลายไหลเป็นฟอง ตาวาว หลังงอ และเริ่มกัดทุกอย่างที่ขวางหน้าจะเป็นอยู่ประมาณ1 - 4 วัน
ระยะสุดท้าย แมวจะอยู่นิ่ง ๆ ไม่มีการตอบสนอง ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม และตายเพราะอัมพาตของระบบกล้ามเนื้อและระบบหายใจ

โรคลิวคีเมีย 
โรคนี้เกิดจากกลุ่มไวรัสที่ทำให้เป็นเนื้องอกมะเร็ง แต่ในแมว ไวรัสชนิดนี้จะทำให้แมวมีภูมิคุ้มกันต่ำลง และสามารถเป็นโรคต่าง ๆ ได้ง่าย รวมทั้งโรคมะเร็ง โรคนี้จะมีอาการตั้งแต่อาการเหมือนหวัดธรรมดา ปอดบวม อาเจียน มีแผลที่ปากและผิวหนัง เลือดจาง สำหรับแมวที่ท้องอยู่อาจจะแท้งหรือลูกพิการ โรคนี้จะติดต่อกันได้ทางน้ำลาย ปัสสาวะ อุจจาระ แต่จะไม่ติดต่อถึงคน


ที่มา:http://www.mh.ac.th/E_Dream_Web/Student_work/Akeanong61/sick.htm

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

การทำหมันแมวเพศเมีย

ทำหมันแมวตัวเมียควรทำตอนอายุประมาณห้าเดือน ** ก่อนเป็นสัดครั้งแรก **  จะลดโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมได้ถึงเก้าสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ และจะไม่เป็นมดลูกอักเสบ.. แผลแมวเด็กจะหายเร็วมาก และทำได้ง่ายค่ะ

(การทำหมันในแมวตัวเมีย เป็นการนำทั้งรังไข่และมดลูกออก ดังนั้นแมวจะไม่เป็นสัดอีก และไม่มีลูก แต่แนะนำเจ้าของว่าต้องดูแลแผลหลังผ่าตัดให้ดี ห้ามแมวกระโดดและต้องใส่คอลล่าร์กันแมวเลียแผล เพียงแค่เจ็ดวันเท่านั้นพอตัดไหม แมวจะไม่ีมีปัญหาให้เจ้าของต้องกังวลใจเรื่องมีลูกอีกเลย)  

** หมอไม่แนะนำให้ฉีดยาคุมเลยไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นยาคุมชนิดถูกหรือแพงก็ตาม ** ในแมวเพราะผลของยาไม่แน่นอน ต้องฉีดซ้ำทุกสามเดือนจน ** ตลอดชีวิต **  และส่วนใหญ่แมวจะเป็นมดลูกอักเสบตามมาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือถ้าฉีดผิดช่วง ไม่ใช่ช่วงที่เค้าไม่เป็นสัด หรือมีลูกไปแล้ว ลูกก็อาจตายหรือพิการได้ค่ะ 

ส่วนแม่แมวที่เพิ่งคลอด ถ้าไม่อยากให้มีลุกอีก ให้รีบนำมาทำหมันตอนลูกแมวอายุครบหนึ่งเดือนทันที ห้ามรอนานกว่านี้นะค่ะ เพราะแมวสามารถท้องได้อีกแล้ว ไม่ต้องรอให้ลูกแมวหย่านมนะค่ะ เพราะถ้าลูกแมวยังดูดนมอยู่ แม่แมวก็จะมีน้ำนมไปเรื่อยๆ เจ้าของอาจคิดว่ามันไม่มีทางท้องเพราะยังเลี้ยงลูกอยู่ ..แต่แมวเป็นสัตว์พิเศษ อาจท้องอีกครอกแล้วก๊ได้ค่ะ แมวเป็นสัตว์ที่มีวงรอบการเป็นสัดตามแสงแดด และเมืองไทยมีแสงแดดทั้งปี ดังนั้้นแมวจะกลับสัดเร็วมากค่ะ ถ้ารอจนครบสองเดือนหรือนานกว่านี้ ก็จะได้ลูกแมวครอกใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกค่ะ 

ส่วนการทำหมันแมวตัวผู้แนะนำที่อายุ .. ห้าเดือน.. เช่นกัน เพราะจะลดโอกาสที่แมวจะก้าวร้าวมากขึ้น หนีออกไปเที่ยว ออกไปกัดกับแมวตัวผู้ตัวอื่นเพื่อแย่งตัวเมีย และติดโรคติดเชื้อต่าง ๆ เช่น เอดส์แมว ลิวคีเมีย เยื่อบุช่องท้องอักเสบ ซึ่งเป็นโรคไวรัสติดต่อทางน้ำลายที่รักษาไม่หายค่ะ และได้แผลเป็นหนองกลับมาบ้านค่ะ 

และการทำหมันแมวตัวผู้จะง่ายกว่าตัวเมียมาก ไม่ต้องเปิดผ่าช่องท้อง ไม่ต้องใส่คอลลาร์ ไม่ต้องดูแลแผลใดๆทั้งสิ้น 

ที่คลีนิคทำหมันแมวตัวผู้ ..ไม่ต้องตัดไหม แทบไม่ต้องกินยาด้วย ส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาใด ๆ ทำเสร็จสามารถปล่อย เลี้ยงแบบปกติได้เลยค่ะ

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

10 ขั้นตอนการทำหมันแมว

การทำหมันนั้นทางการแพทย์ถือว่าเป็นการส่งเสริมสุขภาพ เพราะจะช่วยลดปัญหาสุขภาพต่างๆ ลงไปได้เยอะ อาทิ เช่น โรคที่เกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ต่างๆ ตั้งแต่มดลูกอักเสบเป็นหนอง มะเร็งเต้านม ต่อมลูกหมากโต เป็นต้น 

และนอกจากนั้นแล้วการทำหมันสัตว์เลี้ยงเท่ากับเป็นการวางแผนครอบครัวให้กับสัตว์เลี้ยง ซึ่งจะช่วยลดปัญหาหมา-แมว จรจัด อีกด้วยนะคะ โดยน้องแมวเพศเมียสามารถทำหมันได้ตั้งแต่อายุ 5 เดือนหรือน้ำหนักได้ 2 กิโลกรัมขึ้นไป
ส่วนน้องแมวเพศผู้สามารถทำหมันได้ตั้งแต่อายุ 7 เดือนขึ้นไปนะคะ 

และเพื่อให้การทำหมันของน้องแมวเป็นไปอย่างราบรื่นปลอดภัย ไร้กังวล จึงขอนำเสนอ
10 ขั้นตอนในการทำหมันแมว ที่เจ้าของไม่ควรพลาด

ขั้นตอนที่ 1 เตรียมการเคลื่อนย้ายแมวไปหาหมอ
เจ้าของบางท่านใช้วิธีอุ้มแมวไปหาหมอ ตอนแรกๆอาจไม่มีปัญหาอะไรน้องแมวยังสงบสติอารมณ์ได้ แต่พอเจอสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เช่น มีหมาเห่ากรรโชก น้องแมวอาจสติแตก ข่วน 
ถีบ กัดเจ้าของเพื่อดิ้นรนหนีสุดชีวิตเลย ที่สำคัญเคยมีโศกนาฎกรรมน้องแมวหนีออกจากร้านไปเจอรถทับตายคาที่เลย ต้องระวังนะคะ ดังนั้น เอาน้องแมวใส่ตะกร้าหรือกรงและตรวจเช็คให้แน่ใจว่าประตูปิดสนิทดีแล้ว
ตะกร้าไม่ควรใช้แบบเปิด 2 ฝาเพราะน้องแมวแหกตะกร้าแบบนี้หายได้ง่ายมาก ใช้ตะกร้าฝาเดียว ล็อคฝาตะกร้าให้แน่น ถ้าเป็นไปได้ผูกเชือกที่ปากตะกร้าด้วยอีกชั้นหนึ่งเพื่อความปลอดภัย

ขั้นตอนที่ 2 เลือกสัตวแพทย์คุณภาพ
ถึงแม้ว่าสัตวแพทย์ส่วนใหญ่จะสามารถผ่าตัดทำหมันให้กับสัตว์เลี้ยงได้ แต่เราก็ต้องคำนึงถึงฝีมือ และประสบการณ์ด้วย ทางที่ดีลองสอบถามจากเพื่อนๆ ผู้มีประสบการณ์พาแมวไปทำหมัน 
แต่ก็ต้องฟังหูไว้หูนะคะ อาจสอบถามเพิ่มเติมจากสัตวแพทย์โดยตรง เรียกว่าสัมภาษณ์ให้เรียบร้อย ตลอดจนขอดูห้องผ่าตัดว่าเครื่องไม้เครื่องมือสะอาดสะอ้านหรือไม่ อย่างน้อยห้องผ่าตัดควรจัดเป็นสัดส่วน 
มีประตูกั้นมิดชิด ไม่ใช่ผ่าตัดกลางแจ้งนะคะ

ขั้นตอนที่3 ปฎิบัติตามคำแนะนำก่อนผ่าตัดอย่างเคร่งครัด
เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอดน้ำและอดอาหารก่อนผ่าตัด เป็นเวลา 12 ชั่วโมง เพราะหากไม่อดน้ำและอาหารอย่าง 100% แล้ว อาจเกิดอันตรายจากน้ำหรือเศษอาหาร 
ที่อยู่ในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับเข้าปอด เป็นอันตรายถึงชีวิตเลยนะคะ ถ้าคิดว่าไม่สามารถอดอาหารจากที่บ้านได้ แนะนำไปให้ฝากอดอาหารที่คลีนิกเลย อย่าลืมอาบน้ำหรือทำความสะอาดให้น้องแมว
ก่อนหน้านั้นด้วยนะคะ เพราะหลังจากผ่าตัดไปแล้ว คงอาบน้ำไม่ได้อีก 2 อาทิตย์เป็นอย่างน้อย(หอมแน่ๆ อิอิ)

ขั้นตอนที่ 4 ทำใจดีๆทั้งเจ้าของ และสัตว์เลี้ยง
ขณะที่พาน้องแมวไปผ่าตัด ก่อนอื่นเจ้าของต้องทำจิตใจให้สงบ ไม่ตื่นเต้น รวมทั้งไม่แสดงอาการวิตกกังวลเกินเหตุ เพราะถ้าเจ้าของวิตกกังวลเกินเหตุอาจพาให้น้องแมวพาลตื่นเต้นไปด้วย 
ที่สำคัญเลยจะไปพาลไปกดดันให้หมอพาลตื่นกลัวไปด้วยนะคะ

ขั้นตอนที่ 5 ให้ยาแก้ปวดหลังผ่าตัด พลาดไม่ได้!
ปัญหาหลักที่เจ้าของไม่อยากพาน้องแมวไปทำหมันก็คงเพราะ กลัวน้องแมวจะเจ็บ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ปัจจุบันมียาแก้ปวดอย่างดีตัวใหม่สำหรับสัตว์เลี้ยงแล้ว ชื่อ “ไรมาดิล” มีทั้งแบบฉีดและ
กิน ราคาก็ไม่แพงเกินไป เพราะฉะนั้นอย่าลืมป้อนยาแก้ปวดด้วยนะคะ หรืออาจช่วยเตือนคุณหมอใหฉีดยาแก้ปวดก่อนผ่าตัดก็ได้ค่ะ ที่สำคัญที่สุด ห้ามๆๆๆๆๆ ใช้ยาแก้ปวดประเภทพาราเซตามอลเด็ดขาด 
ถึงตายได้เลยนะคะ

ขั้นตอนที่ 6 ห้ามป้อนอาหารหรือน้ำทุกชนิดให้สัตว์เลี้ยงที่ยังสลบอยู่
หลังผ่าตัดแล้ว หากน้องแมวยังหมดสติยังไม่รู้สึกตัวดี กรุณาอย่าหวงดี (ประสงค์ร้าย) ไปป้อนอาหารหรือน้ำให้เค้าโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้สัตว์สำลักถึงตายได้ อดใจรอก่อนดีกว่านะคะ อย่า
ใจร้อน

ขั้นตอนที่ 7 เฝ้าไข้อย่างใกล้ชิดหลังผ่าตัด
เจ้าของต้องปฏิบัติตัวเปรียบประดุจพยาบาลเฝ้าไข้ คอยดูแลสัตว์เลี้ยงหลังผ่าตัดอย่างใกล้ชิด ภายใน 24 ชั่วโมงต่อจากนั้น หากพบอาการผิดปกติน่าเป็นห่วง เช่น อาเจียน เบื่ออาหาร แผลมีเลือดออก 
หรือบวมผิดปกติ ให้รีบนำน้องแมวไปพบสัตวแพทย์โดยด่วนเลยค่ะ

ขั้นตอนที่ 8 ป้องกันการเลียแทะแผลผ่าตัด
ปัจจุบันมีอุปกรณ์ป้องกันการเลียแทะแผลผ่าตัดจำหน่ายแพร่หลายทั่วไป ในราคาที่ไม่แพงมาก ประมาณ 100 กว่าบาท เรียกว่า เอลิซาเบท (Elizabeth Collar) เรียกไทยๆก็ปลอกคอกันเลียกันเกา 
ซึ่งจะช่วยป้องกันการแทะเลียไหมเลียแผลได้เป็นอย่างดี เพียงแต่ตอนใส่ช่วงแรกๆอาจทำให้น้องแมวรำคาญได้ ประมาณ 2 วัน เค้าจะชินเองค่ะ หรือตัดเสื้อแมวให้ใส่เพื่อป้องกันน้องแมวเลียแผลก็ได้นะคะ

ขั้นตอนที่ 9 เก็บตัวหลังผ่าตัด
ควรงดออกนอกบ้าน อย่างน้อยจนกว่าจะตัดไหม (ประมาณ7-10 วัน) โดยเฉพาะสัตว์เพศเมียที่มาทำหมันตอนเป็นสัด ซึ่งยังไม่สามารถไปมีเพศสัมพันธ์ได้ ตัวผู้ก็ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน 
เพราะถุงอัณฑะอาจบวมหลังผ่าตัด ถึงแม้จะไม่ได้ผ่าตัดหน้าท้องแบบตัวเมีย

ขั้นตอนที่ 10 ตัดไหมตามนัด
ขั้นตอนสุดท้ายแล้วคือ การไปตัดไหมตามที่หมอสั่ง เพราจะเป็นการตรวจแผล สุขภาพ และความเรียบร้อยของแผลผ่าตัด เรียกว่าเช็คครั้งสุดท้าก่อนปล่อยตัวตามปกติ

หวังเป็นอย่างยิ่งนะคะว่า 10 ขั้นตอนนี้คงช่วยให้สัตว์เลี้ยงแสนรักปลอดภัย และแข็งแรงหลังการผ่าตัดทำหมัน ซึ่งหลังทำหมันแล้ว น้องแมวจะมีนิสัยดีขึ้น เรียบร้อยขึ้น และที่สำคัญก็คือแสดงถึงความรักและ
รับผิดชอบของเจ้าของที่มีต่อสัตว์เลี้ยงของตนอย่างแท้จริง

Cr ข้อมูล: momolover.com

งาน

อนุสรา,วชร

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ระยะการเจริญเติบโตและพัฒนาของลูกแมว

ระยะการเจริญเติบโตและพัฒนาของลูกแมวอายุเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความต้องการสารอาหาร ระยะเวลาที่ใช้ในการเจริญเติบโตของลูกแมวสามารถแบ่งระยะการเจริญเติบโตได้เป็น 2 ระยะ 
1) ระยะ 4 เดือนแรก เป็นช่วงที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูงและระบบทางเดินอาหารมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลง เป็นช่วงของการเปลี่ยนอาหารมาเป็นอาหารเม็ด เริ่มสูญเสียความสามารถในการย่อยน้ำตาลแลกโตสจนไม่สามารถย่อยได้
2) ระยะ 4 ถึง 12 เดือน อัตราการเจริญเติบโตช้าลง โดยจะเจริญเติบโตเต็มที่เป็นแมวโตเต็มวัยเมื่ออายุ 12 เดือน และเมื่อแมวโตเต็มที่มักจะมีน้ำหนักตัว 40-50 เท่าของน้ำหนักแรกเกิด

ที่มา:http://www.royalcanin.co.th/node_1083707/node_1083708/node_1083710

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

การดูแลและการฝึกลูกแมว

การเตรียมตัวเพื่อต้อนรับลูกแมวตัวใหม่ ถือเป็นช่วงที่สำคัญ เนื่องจากจะต้องมีการปรับตัวของทั้งผู้เลี้ยงและลูกแมวตัวใหม่ จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมให้มากที่สุด


การเตรียมบ้านหลังใหม่ให้ลูกแมว

หลังจากที่คุณได้รอคอยมาเป็นเวลาอันยาวนาน ในที่สุด ก็ถึงเวลาต้อนรับสมาชิกใหม่ มาเป็นส่วนหนึ่งครอบครัวของคุณ... คุณเป็นกังวลหรือไม่ ว่าลูกแมวตัวใหม่จะสามารถปรับตัวได้หรือไม่… เรามีข้อแนะนำในการ ช่วยให้ลูกแมวสามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ได้ดีและรู้สึกเหมือนเป็น บ้านของลูกแมวเองได้อย่างรวดเร็ว 
สิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึง คือ ลูกแมวของคุณ เพิ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งที่ลูกแมว คุ้นเคย ทั้งการถูกแยกจากแม่แมว ถูกแยกจากพี่น้องในครอกเดียวกัน รวมทั้ง การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เกิด โดยสิ้นเชิง ดังนั้น เมื่อคุณรับลูกแมวมาในระยะ แรกนั้น คุณควรปฏิบัติต่อลูกแมวอย่างอ่อนโยน ให้ลูกแมวอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เงียบสงบ เพื่อไม่ให้ลูกแมวต้องอยู่ในสภาวะตื่นกลัว ให้ลูกแมวได้อยู่ในห้อง หรือบริเวณที่เงียบสงบ และอาจปล่อยให้ลูกแมวสามารถ เดินสำรวจรอบๆบริเวณของบ้านใหม่ได้ ในวันต่อๆไปเจ้าของคือผู้รับผิดชอบความปลอดภัยของลูกแมวควรเก็บและพันสายไฟให้อยู่ในที่ที่พ้นจากลูกสุนัข สารเคมีต่างๆที่เป็นอันตรายควรเก็บให้มิดชิด และควรตรวจดูบริเวณที่เป็นรั้วแหลมคมหรือร่องที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกสุนัข ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ

การพบสัตวแพทย์

2catvet
การพบกับสัตวแพทย์ครั้งแรกของลูกแมว
การพาลูกแมวของคุณไปตรวจร่างกายกับสัตวแพทย์ หลังจากที่คุณรับลูกแมวมาเลี้ยงใหม่เพื่อที่จะสัตวแพทย์ได้ทำการตรวจร่างกาย ลูกแมวตัวใหม่ของคุณว่ามีสุขภาพดีหรือไม่ และวางแผนเพื่อทำวัคซีน หรือการรักษา รวมทั้งให้สัตวแพทย์ให้คำแนะนำต่างๆ ในการนำลูกแมวตัวใหม่มาเลี้ยง เราจึงมีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่คุณอาจได้พบเมื่อคุณพาลูกแมวไปพบสัตวแพทย์ครั้งแรก มาแนะนำ...เมื่อคุณรับลูกแมวตัวใหม่มาเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกของครอบครัวคุณแล้ว ก็คงจะเป็นการดีหากคุณจะสร้างสายสัมพันธ์ที่ดี ไว้กับสัตวแพทย์ที่ทำการรักษาลูกแมวของคุณ ลูกแมวของคุณควรที่จะไปพบสัตวแพทย์เป็นประจำในขณะที่ลูกแมวกำลังเจริญเติบโต เพื่อรับการตรวจสุขภาพั่วไปว่าสมบูรณ์ดีหรือไม่ และควรให้ลูกแมวรู้สึกคุ้นชินกับการไปพบกับสัตวแพทย์
คุณควรที่จะพาลูกแมวของคุณไปพบกับสัตว์แพทย์ เพื่อทำการตรวจร่างกายครั้งแรกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่สัตวแพทย์จะได้ช่วยรักษา หรือแก้ไขปัญหาให้ได้ทันท่วงที หากมีปัญหาเกิดขึ้น โดยหากคุณทำการนัดวัน และเวลา ในการนำลูกแมวเข้าไปทำการตรวจร่างกายครั้งแรก กับทางสัตวแพทย์ได้ จะเป็นการดี หากเป็นไปได้ ควรมีเลขหมายที่สามารถติดต่อได้ 24 ชั่วโมง ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินที่ไม่ได้คาดฝันขึ้น

ปัจจัยพื้นฐานที่ลูกแมวต้องการ

• ลูกแมวต้องการ การนอนหลับพักผ่อนที่มากกว่าแมวโต และควรปราศจากการรบกวน บริเวณพักผ่อนเป็นบริเวณที่ว่างที่ใกล้แหล่งของแสง เช่น ช่องลมหรือหน้าต่างที่มีแสงอาทิตย์ส่องถึง เนื่องจากแมวชอบนอนในบริเวณที่มีแสงส่องถึงแต่ควรเป็นบริเวณที่ใกล้เจ้าของ แต่การเลี้ยงไว้ภายในห้องนอนเจ้าของไม่ใช่คำตอบที่ดี
• บริเวณที่ให้อาหารควรห่างไกลจากกระบะทรายแมว หลีกเลี่ยงบริเวณกินอาหารของเจ้าของเนื่องจากแมวจะสับสนระหว่างชามอาหารของตัวเองและจานอาหารของเจ้าของ
บริเวณสำหรับเล่นแมวจะใช้พื้นที่มากที่สุด ซึ่งจะต้องมีบริเวณสำหรับเล่น วิ่งและปีนขึ้นที่สูง
บริเวณขับถ่ายควรเป็นบริเวณที่เข้าออกง่าย และห่างจากบริเวณชามน้ำ ชามอาหารและบริเวณที่ใช้สำหรับพักผ่อน

ที่มา:http://www.royalcanin.co.th/node_1083707/node_1083708/node_1083714

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิธีการดูแลแมวท้องและแมวหลังคลอด











เมื่อรู้ว่าแมวท้อง  เจ้าของแมวหรือคนที่รักแมวก็มักจะกังวลว่าจะต้องทำอย่างไรดี  จะต้องบำรุงและให้ทานอาหารอะไร  จะต้องระวังในเรื่องไหนบ้าง  ต่อไปนี้คุณจะไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้ต่อไปค่ะ  เพราะในวันนี้เรามีวิธีการดูแลแมวท้องและวิธีการดูแลหลังคลอดมาฝากกันค่ะ  ว่าแต่จะต้องทำอะไรบ้างไปดูพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่ะ
ซึ่งในการดูแลแมวท้อง จะต้องรู้ก่อนว่าแมวผสมพันธุ์กันวันไหนและให้ยึดเอาวันแรกของการผสมพันธุ์เป็นหลัก  โดยวิธีในการังเกตว่าแมวท้องหรือไม่ก็ง่ายๆค่ะ  จะสังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงเต้านมของแมว  ซึ่งจะมีสีแดงชัดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปสองสัปดาห์แรก  ซึ่งหลังจากนั้นเมื่อครบสี่สัปดาห์แล้วก็สามารถพาน้องแมวไปอุตร้าซาวน์  จะพบลูกแมวอยู่ในท้องแม่ค่ะ  แต่ที่จริงแม่พาไปอุตร้าซาวน์ได้ตั้งแต่สองสัปดาห์แล้วค่ะ  แต่เพื่อความชัวร์รอสี่สัปดาห์จะดีกว่าและเมื่อเป็นที่แน่นอนแล้วว่าแมวของเรานั้นท้อง  เราก็ต้องดูแลและบำรุงเขาเป็นพิเศษ  ซึ่งวิธีการทำบุงและการดูแลแมวท้องมีดังต่อไปนี้
                ในช่วงระยะเวลา 2 -4  สัปดาห์แรกอาจจะไม่จะเป็นมากนัก  เพราะหากเราเริ่มบำรุงลูกแมวตั้งแต่ช่วงนี้จะทำลูกแมวนั้นคลอดยาก  ซึ่งอาจจะส่งผลอันตรายต่อแม่ได้  หลังจากนั้นเมื่อเข้าสัปดาห์ที่  4  – 8  ให้บำรุงแม่แมวโดยการให้กินอาหารแมวเด็ก  เพราะในอาหารเหล่านั้นจะมีโปรตีนจำนวนที่มากกว่าอาหารแมวโต พร้อมๆกับเมื่อขึ้นสัปดาห์ที่ 6 ก็ให้เพิ่มแคลเซียมให้กับแม่แมว  โดยการให้กินนมแพะ  เพื่อเป็นการบำรุงแม่แมวและลูกแมวที่อยู่ในท้อง  ส่วนในการดูแลระหว่างการท้องก็คือ  ในช่วงที่แมวท้องแก่หรือประมาณสัปดาห์ที่ 8 ควรจะกักบริเวณแมวเอาไว้  เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้แมวกระโดด  หรือวิ่งเล่น  เพราะอาจทำให้มดลูกแมวพลิกและทำให้แม่แมวตายได้  นอกจากนี้แล้วควรจะพาแม่แมวไปเอ็กซเรย์ เพื่อดูจำนวนและขนาดของลูก เพราะหากมีลูกมาหรือลูกมีขนาดใหญ่กว่าอุ้งเชิงกรานแม่แมว  นั้นหมายถึง  เราจะต้องทำการคลอดด้วยการผ่าตัด   และเมื่อถึงเวลาใกล้คลอดแล้วแม่แมวจะมีเหมืองสีครีมๆข้นๆไหลออกมาจากอวัยวะเพศ ซึ่งนั้นเป็นสัญญาณเตือนว่าไม่เกิน 24  ชั่วโมงแม่แมวจะคลอดแล้ว  โดยระยะเวลาในการการคลอดหากลูกแมวมีจำนวนมากกว่า 4 ตัว  แม่แมวอาจจะตั้งท้องละคลอดภายใน  63 – 65  วัน แต่ถ้ามีลูกไม่เกิน 3 ตัว  แม่แมวจะตั้งท้องและคลอดลูกภายใน 68-69 วัน  ส่วนในกรณีที่เกิน 69 วันแล้วควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการตรวจว่าน้ำคล่ำแห้ง หรือมีการเสื่อสภาพของรกหรือไม่  ถ้ามีก็จำเป็นจะต้องทำการผ่าตัดทันที
2
โดยหลังจากที่แมวคลอดแล้ว  ให้ดูแลโดยการเติมน้ำยาบำรุงเลือดทุกวันในช่วงขององสัปดาห์แรก  เพื่อเป็นการเพิ่มแคลเซียมให้แม่แมวพร้อมกับให้แม่แมวกินนมแพะและกินอาหารแมวเด็กเหมือนเดิม  และแม่แมวสามารถอาบน้ำได้หลังจากที่คลอดได้หนึ่งสัปดาห์  ส่วนลูกแมวนั้นสามารถอาบน้ำได้ทันทีตั้งแต่วันแรกที่คลอด  โดยการให้อาบน้ำอุ่นและใช้ไดร์เป่าให้แห้งและเมื่อผ่านช่วงของเดือนแรกไปแล้วก็สามารถให้ได้ตามปกติ โดยให้ใช้แชมพูอ่อนๆในการอาบน้ำและจะต้องอาบแบบรวดเร็ว แต่ถ้าหากลูกแมวเป็นเชื้อราก็ให้ใช้แชมพูรักษาเชื้อราอาบ  แต่แชมพูนั้นจะต้องมีส่วนประกอบจากธรรมชาติเท่านั้น เช่น สมุนไพรทองพันชั่งเป็นต้น
ที่มา:http://www.welikecat.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%81.html

วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

10 สายพันธุ์แมวยอดนิยมในไทย

1. แมวเปอร์เซีย (Persian)
          ราชินีแมวจากแดนตะวันออกกลาง ซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเปอร์เซีย หรือประเทศตุรกีกับอิหร่านในปัจจุบัน แมวเปอร์เซียถือเป็นแมวต่างประเทศสายพันธุ์แรกที่ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย สิ่งที่ทำให้แมวสายพันธุ์นี้ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่คนรักแมวก็เพราะว่า นอกจากจะมีหน้าตาน่าเอ็นดูแล้ว ขนปุกปุยของแมวเปอร์เซียยังมีสีสันที่หลากหลาย และนิสัยส่วนตัวก็น่ารักด้วย

2. แมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ (American Shorthair)
         แมวสายพันธุ์อเมริกาที่สืบเชื้อสายมาจากประเทศในแถบยุโรป และแพร่พันธุ์มายังอเมริกา เมื่อสมัยที่ชาวยุโรปเดินทางไปแสวงหาถิ่นที่อยู่ใหม่ โดยพวกเขาได้นำแมวอเมริกันชอร์ตแฮร์ ติดเรือไปด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้หนูทำลายข้าวของ และได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ในเวลาต่อมา จนกระทั่งกลายเป็นแมวพื้นเมืองขนสั้นของอเมริกาไปในที่สุด
3. แมวสก็อตติช โฟลด์ (Scottish Fold)
          Susie เป็นแมวพันธุ์สก็อตติช โฟลด์ ตัวแรกที่ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1961 ที่ประเทศสก็อตแลนด์ แต่ในตอนนั้นยังไม่มีใครทราบชื่อสายพันธุ์ที่แท้จริง เนื่องจากลักษณะของ Susie มีใบหูพับ และยังมีใบหน้าที่คล้ายกับนกฮูก ซึ่งหลังจากที่ Susie ให้กำเนิดลูกแมวน้อยหูพับ 2 ตัว William Ross ชายเลี้ยงแกะ ซึ่งเป็นผู้ค้นพบคนแรกก็ได้นำลูกแมวตัวเมียไปเลี้ยง หลังจากที่ลูกแมวตัวนั้นโตขึ้น จึงนำไปผสมพันธุ์กับ บริติช ชอร์ตแฮร์ จนกลายเป็นต้นกำเนิดของสายพันธุ์นี้ และได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้องที่รับรองโดย The Governing Council of the Cat Fancy ของประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1966

4. แมววิเชียรมาศ (Siamese)
          แมวไทยที่ชาวต่างชาติรู้จักกันดีในชื่อ Siamese Cat หรือ แมวสยาม หนึ่งในต้นตระกูลของแมวไทยที่ถูกนำไปปรับปรุงจนเกิดแมวไทยอีกหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งตามตำนานสมุดข่อยได้กล่าวไว้ว่า หากใครได้เลี้ยงแมววิเชียรมาศ จะได้เป็นขุนนาง เพราะถือว่าแมววิเชียรมาศเป็นแมวลาภ อีกทั้งในอดีตยังเป็นแมวที่เลี้ยงกันในวังเป็นส่วนใหญ่ด้วย
         

5. แมวโคราช (Korat)
          แมวพันธุ์นี้มีชื่อเรียกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แมวมาเลศ แมวดอกเลา หรือแมวสีสวาด เป็นหนึ่งใน 17 แมวมงคลของไทย ที่ได้รับพระราชทานชื่อมาจาก สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 5 ตามแหล่งกำเนิดของแมวพันธุ์นี้ ซึ่งพบใน อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ชื่อเสียงของแมวโคราชโด่งดังไปทั่วโลก หลังจากชนะเลิศงานประกวดประจำปีที่สหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ.1966

6. แมวขาวมณี (Khao Manee)
         สำหรับแมวขาวมณีไม่มีหลักฐานยืนยันที่มาอย่างชัดเจน รู้เพียงว่า เริ่มพบเห็นมากในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยมีข้อสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นแมวที่ติดมากับเรือสำเภาของพ่อค้าจีน ที่เลี้ยงไว้จับหนูบนเรือ แต่เนื่องจากสีขาวเป็นสีที่ดูสะอาดและเป็นสีมงคลสำหรับคนไทย ดังนั้นแมวขาวมณีจึงกลายเป็นแมวบ้านนับจากนั้นเป็นต้นมา และที่สำคัญแมวพันธุ์นี้ยังเป็นแมวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดปรานเป็นพิเศษด้วย


7. แมวบริติช ชอร์ตแฮร์ (British Shorthair)
          แมวท้องถิ่นสายพันธุ์เก่าแก่ที่สุดบนเกาะอังกฤษ ซึ่งเล่ากันว่าบรรพบุรุษของพวกมันมาจากแมวที่ชาวโรมันเอามาเลี้ยงเมื่อ 2,000 ปีก่อน และเป็นแมวที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในประเทศต้นกำเนิดและประเทศอื่น ๆ แถบยุโรปจนถึงยุคปัจจุบัน เนื่องจากมันเป็นแมวที่มีความเฉลียวฉลาด จึงเป็นที่ชื่นชอบของผู้ฝึกสัตว์ เพื่อใช้ในการโฆษณาทางโทรทัศน์หรือเข้าฉากในภาพยนตร์ของฮอลลีวูด

8. แมวเอ็กโซติก (Exotic)
          แมวหน้าบูด จมูกหัก แต่น่ารักไม่แพ้ใคร เพราะสืบเชื้อสายมาจากแมว 2 สายพันธุ์ ระหว่างแมวเปอร์เซียกับแมวอเมริกัน ช็อตแฮร์ จนกลายมาเป็นแมวเอ็กโซติก หลากหลายรูปแบบ อาทิ  Exotic Blue Tabby, Exotic Red Tabby, Exotic Cream Tabby เป็นต้น

9. แมวเมนคูน (Main Coon)
          ถึงแม้แมวเมนคูนจะมีร่างกายที่ใหญ่โตกว่าแมวปกติ แต่มันกลับเป็นพี่ใหญ่ใจดี จนได้รับสมญานามว่า Gentel Giant ชื่อของแมวสายพันธุ์นี้ มีที่มาจากรัฐเมน (Maine) ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของมัน ส่วนคำว่า คูน (Coon) มาจากคำบอกเล่าของชาวพื้นเมืองที่กล่าวว่า แมวบ้านเผลอไปกุ๊กกิ๊กกับตัวแรคคูน (Raccoon) จนมีการจับ 2 คำนี้มารวมกัน กลายเป็นชื่อที่ใช้เรียกกันทั่วไปว่า เมนคูน (Main Coon)

10. แมวเบงกอล (Bengal)
          แมวเบงกอลเป็นแมวที่มีลวดลายสวยงาม คล้ายลูกเสือดาวตัวน้อย ๆ คาดกันว่า แมวเบงกอลเกิดจาการผสมพันธุ์ระหว่างแมวดาวกับแมวบ้านสายพันธุ์อียิปต์เชียนมัวร์ (Egyptian Mau) ซึ่งเป็นแมวอียิปต์โบราณ ที่มีโครงสร้างเป็นลายจุด ลักษณะคล้ายแมวป่า โดยถูกนำมาพัฒนาสายพันธุ์ ด้วยฝีมือของ Jean Mills หญิงสาวชาวอเมริกัน ที่หลงใหลคลั่งไคล้ในลวดลายของแมวป่า พร้อมกับตั้งชื่อของมันตามชื่อวิทยาศาสตร์ของแมวป่าที่เรียกกันว่า Felis Bengolensis


ที่มา:http://pet.kapook.com/view70394.html

วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แมวเหมียว กับการถ่ายพยาธิ

เจ้าเหมียวกับการถ่ายพยาธิ (ข่าวสารโลกสัตว์เลี้ยง)

          สัตว์ตัวเล็ก ๆ แต่เรื่องพิษภัยแล้วไม่เล็กเหมือนกับตัว ใช่แล้วเรากำลังจะพูดกันถึงเรื่องของพยาธิ สัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากประสบพบเจอ เพราะเมื่อเจอกันทีไรก็เป็นเรื่องทุกที ไม่ว่าจะเป็นคนหรือแม้แต่ในแมว ก็มีปัญหาทั้งนั้น แมวที่มีพยาธิอยู่ในตัวนั้น เจ้าของอาจจะสังเกตไม่เห็นเลยก็ได้ เพราะโดยทั่วไป แมวจะมีอาการตั้งแต่เบื่ออาหารไปจนถึงกินอาหารมากขึ้น อาจจะมีทั้งผอมลง หรือท้องบวมขึ้น และอาการที่พบบ่อย ๆ คือ แมวจุไถก้นไปกับพื้น ... มาดูกันว่า พยาธิที่พบได้บ่อยในแมวนั้นมี พยาธิ อะไรกันบ้าง

 พยาธิตัวตืด 

          พบได้บ่อยในแมว โดยจะมีตัวหมัดหรือหนูเป็นตัวนำโรค เจ้าของอาจจะพบปล้องที่ออกมาพร้อมกับอุจจาระแมวเป็นเม็ดสีขาวคล้ายเม็ดแตงกวา บางครั้งอาจจะเคลื่อนไหว พอแห้งแล้วอาจจะดูคล้ายเม็ดข้าว การจะกำจัดพยาธิตัวตืดได้ จะต้องถ่ายพยาธิให้ออกมาหมดทั้งส่วนหัวที่เกาะติดอยู่กับผนังลำไส้ด้วย รวมทั้งต้องกำจัดหมัดด้วย

          พยาธิชนิดนี้ ติดต่อจากการกินหมัด หรือเหาที่มีเชื้อเข้าไป และพยาธิจะออกมาเจริญเป็นตัวอยู่ในลำไส้ของแมว แม้ไม่ได้ให้อาหารดิบ ๆ กับแมว แต่แมวก็ติดพยาธิได้ ปกติพยาธิตัวตืด จะไม่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย แต่ถ้ามีมาก ๆ จะทำให้เกิดอาการอุดตันทางเดินอาหารได้ หรือทำให้ร่างกายแมวทรุดโทรม

 พยาธิตัวกลม

          ลูกแมวแรกเกิดมักจะมีพยาธินี้ติดออกมาเรียบร้อยแล้ว เหมือนกับลูกสุนัข เพราะพยาธิตัวกลมจะติดต่อจากแม่แมวมาที่ลูกได้โดยผ่านทางรก ดังนั้นจึงสมควรถ่ายพยาธิให้ลูกแมวที่อายุ 1 เดือน เพื่อถ่ายพยาธิออกมา

 พยาธิปากขอ

          พยาธิชนิดนี้ พบมากในเขตร้อนชื้น เช่น ในประเทศไทย พยาธิชนิดนี้กินเลือดแมวเป็นอาหาร ดังนั้น แมวที่มีพยาธิชนิดนี้มาก ๆ จะมีอาการโลหิตจาง อาจจะมีอาการท้องเสีย และน้ำหนักลด ร่วมด้วย ตัวอ่อนของพยาธิปากขอติดต่อได้โดยการกินหรือไชเข้าทางผิวหนัง ลูกแมว สามารถติดพยาธิปากขอจากแม่ตอนที่อยู่ในท้องได้

 พยาธิท็อกโสพลาสม่า

          เป็นพยาธิที่มีความสำคัญต่อสุขภาพของเจ้าของแมวด้วย เนื่องจาก พยาธิท็อกโสพลาสม่า สามารถติดมาสู่คนได้ พยาธิชนิดนี้เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก มีเซลล์เดียว หรือเรียกว่า เป็นพวกโปรโตซัว สามารถทำให้แมวเกิดอาการท้องเสียได้ ไข่ของพยาธิชนิดนี้ออกมากับอุจจาระของแมว แต่ต้องใช้เวลา 2-3 วัน ถึงจะอยู่ในระยะติดต่อ ทั้งนี้ เคยมีรายงานพบว่า พยาธิชนิดนี้ทำให้สตรีที่ตั้งครรภ์อยู่แท้งได้ ดังนั้นการป้องกันสำหรับเจ้าของเอง คือการทำความสะอาดกระบะถ่ายแมวทุกวัน และไม่ควรนำทรายที่ใช้แล้วกลับมาใช้ซ้ำอีก

ข้อควรรู้ในการถ่ายพยาธิแมว

          การถ่ายพยาธิในแมว ควรทำทันทีเมื่อนำแมวมาเลี้ยงใหม่ และควรทำการถ่ายพยาธิทั้งภายในและภายนอก พยาธิภายในจะอยู่ในส่วนลำไส้ของแมว ซึ่งอาจลามเข้าถึงกระเพาะได้ พยาธิจะแย่งอาหารจากแมว ทำให้แมวโตช้า มีลักษณะแคระแกร็น อาจมีอาการชักและตายได้ในเวลาอันรวดเร็ว

          นอกจากนี้พยาธิเหล่านี้ยังสามารถถ่ายทอดผ่านรกแม่มาสู่ลูกในท้องได้อีก ซึ่งไม่น่าแปลกเลยที่จะพบว่าลูกแมวบางตัวเกิดมาก็มีลักษณะผอมโซ มีอาการโลหิตจางพุงโต เนื่องจากในลำไส้มีพยาธิอาศัยอยู่เต็มไปหมด ถ้าปริมาณเพิ่มมากขึ้น อาจอุดตันลำไส้จนถึงตายได้ ดั้งนั้นเราจึงควรทำการถ่ายพยาธิให้แมวทุกครั้งก่อนที่จะถึงระยะผสมพันธุ์และช่วงปลายของการตั้งท้อง

          อย่างไรก็ดี สำหรับลูกแมวที่ติดพยาธิมาจากแม่แมวนั้นก่อนอื่นเราต้องสังเกตเสียก่อนว่าพยาธิที่เจอนั้นเป็นพยาธิชนิดไหน แล้วจึงนำยาถ่ายพยาธิชนิดนั้น ๆ มาให้แมวกิน ควรเริ่มให้ถ่ายพยาธิได้ตั้งแต่อายุ 2 สัปดาห์ และถ่ายพยาธิทุก 2 สัปดาห์ไปจนกว่า ลูกแมว จะมีอายุ 3 เดือน เพื่อตัดวงจรชีวิตของพยาธิ

          อีกสิ่งหนึ่งที่ควรระวัง ก็คือ พยาธิบางชนิด เช่น พยาธิตัวแบน หรือพยาธิตัวตืด สามารถแพร่มายังแมวได้โดยอาศัยตัวหมัดเป็นพาหะ เพราะฉะนั้น นอกจากการถ่ายพยาธิแล้ว ควรจะต้องควบคุมเรื่องหมัดให้ดีเช่นกัน มิฉะนั้นแมวก็สามารถจะติดพยาธิได้อีก

ที่มา:http://pet.kapook.com/view5593.html

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แนะนำทรายแมว

ทรายแมว ทรายแมวราคาถูก ทรายอนามัย ทรายแมวเปลือกไม้สน 
ที่มีคุณภาพหลากหลายแบรนด์ ซึ่งหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าควรซื้อทรายแมวยี่ห้อไหนดีเราขอแนะนำสินค้าคุณภาพจากแบรนด์
 Ketty Love,See Sand และแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย 


ทรายแมว Ketty love เป็นที่ยอมรับในคุณภาพของผู้เลี้ยงแมวมากว่า 5 ปี และเป็นทรายเกรดเดียวกับที่จำหน่าย ในประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน มีคุณสมบัติช่วยลดปัญหากลิ่น มีประสิทธิภาพในการดูดซับที่ดี มี 2 แบบ คือ ทรายแบบที่จับตัวเป็นก้อน กับแบบที่ดูดซับแต่ไม่จับเป็นก้อน

ทรายอนามัยสำหรับแมว ซีแซน (See Sand) ผลิตจากถ่านหินธรรมชาติ ผ่านกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้ได้ทรายคุณภาพ ดูดซับกลิ่นเป็นเยี่ยม หมดปัญหาการแพร่กระจายของกลิ่นและเชื้อโรค ช่วยให้ที่อยู่อาศัยสะอาด มีสุขภาพดี ปลอดภัยทั้งต่อน้องแมวและเจ้าของ

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในองค์กรเพื่อให้องค์กรประสบความสำเร็จตามหลัก CSF (แก้ไข)



Critical success factors (CSF)

ด้าน Hardware
ด้านSoftware
ด้านPeopleware
1.ความสม่ำเสมอในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูง
คอมตั้งโต๊ะ1ชุดประกอบด้วย
1.CPU Core i3 2100 (3.10 GHz) M/B Gigabyte รุ่น GA-P61-USB3-B3

2.Ram DDR3 4 GB

3.HDD 500 GB

4.การ์ดจอ EAH 6770 1GB DDR5 DVD R/W

5.จอLED LG 20" รุ่น E2040T-PN

6.Melon Golf Mini Speaker ลำโพง USB ขนาดเล็ก รุ่น MS-005 – Black

7.Genius Keyboard+Mouse SlimStar 8000X

8.EPSON Printer รุ่น L555 (Black)

9.Panasonic โทรสารกระดาษความร้อน
รุ่น KX-FT987CX - White
Panasonic โทรสารกระดาษความร้อน รุ่น KX-FT987CX –White

10.Linksys Router Wireless-G Broadband with Linux -LSS-WRT54GL

โปรแกรม MRP WEBBASED APPLICATION ,Window 8 ,Device Driver(ฟรี),Utility Program(ฟรี)
พนักงานฝ่ายผลิตสินค้า(A)
2.การรักษาสินค้าคงคลังให้สามารถตอบสนองความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า
โปรแกรม MRP WEBBASED APPLICATION,
Window 8,Device Driver,
Utility Program(ฟรี)
พนักงานฝ่ายดูแลรักษาสินค้า(B)
3.ความต่อเนื่องของการปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อ การผลิตและการจัดจำหน่าย
โปรแกรม MRP WEBBASED APPLICATION,
Window 8,Device Driver(ฟรี),Utility Program(ฟรี)
พนักงานฝ่ายขาย(C)
4.ความต่อเนื่องในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จใหม่ๆ
โปรแกรม MRP WEBBASED APPLICATION,
Window 8,Device Driver(ฟรี),Utility Program(ฟรี)
ผู้จัดการ(D)
5.การยึดครองคำสั่งซื้อและผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าต้องการ
Windows 8,Device Driver(ฟรี),Utility Program(ฟรี),
Internet explorer11(ฟรี)
พนักงานฝ่ายขาย(C)
6.การเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน
Windows 8, โปรแกรม Safetica Endpoint (ฟรี)
โปรแกรม ITWorkTimer(ฟรี),Device Driver(ฟรี),
Utility Program(ฟรี)
ผู้จัดการ(D)
7.สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่สังคม ตลาดและอุตสาหกรรม
Windows 8,Device Driver(ฟรี),Internet explorer11(ฟรี),
Line(ฟรี),Facebook(ฟรี),Instagram(ฟรี)
พนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์(E)
8.ขยายการปฏิบัติการและช่องทางการจัดจำหน่ายออกไปโลก
Windows 8,Device Driver(ฟรี),Utility Program(ฟรี),
Internet explorer11(ฟรี),Line(ฟรี),Facebook(ฟรี),
Instagram(ฟรี)
พนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์(E)
9.ยกระดับมาตรฐานของการบริหารลูกค้าให้สูงขึ้น
Windows 8,Device Driver(ฟรี),Utility Program(ฟรี),Internet explorer11(ฟรี),Stock Innoation (ฟรี)
ผู้จัดการ(D)
รวมค่าใช้จ่าย
คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ชุดละ 30,000 มี4ชุด
30,000*4=120,000


โปรแกรมที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
ทั้งหมด =12,500 บาท
พนักงานทั้งหมด คน เงินเดือน
A=18,000 บาท
B=16,000 บาท
C=20,000 บาท
D=25,000 บาท
E=20,000 บาท
รวม = 99,000 บาท

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ : ขอเชิญเข้าร่วมประกวดในโครงการอนุรักษ์วัฒนธรรม

คณะบริหารธุรกิจ ขอเชิญเข้าร่วมประกวดในโครงการอนุรักษ์วัฒนธรรมเทิดพระเกียรติ วันที่ 27-28 พฤศจิกายน 2557 ณ ลานศิลปวัฒนธรรม ลานโถง อาคาร 50 ปี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ โดยงมีการแข่งขันประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง การแข่งขันคัดลายมือเทิดพระเกียรติ การแสดงด้านศิลปวัฒธรรม การประกวดมัลติมิเดียเทิดพระเกียรติ 
โดยสามารถ Download ใบสมัครประเภทต่างๆได้ที่ 



วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สารพัน "โรคน้องเหมียว" ที่คนรักแมวควรอ่าน



"แมว" เป็นเพื่อนสี่ขาแสนรักของมนุษย์มาแต่ไหนแต่ไร โดยธรรมชาติของแมว เป็นสัตว์ที่เป็นนักล่าที่มีความรักสันโดษ มีความเป็นส่วนตัวสูงแต่รักอิสระ การที่มีนิสัยรักอิสระ ชอบท่องเที่ยวสู่โลกภายนอกก็เป็นอีกเหตุปัจจัยสำคัญในการแพร่เชื้อโรคต่างๆ ทั้งกับแมวด้วยกันเอง หรือแม้แต่กับตัวเจ้าของซึ่งอาจทำให้ติดโรคจากสัตว์เลี้ยงแสนรักของตัวเองมาโดยไม่รู้ตัว
 สัตวแพทย์หญิงปิยวรรณ ภู่ระหงษ์ ให้ข้อมูลว่า วิถีชีวิตของแมวมีผลโดยตรงต่อสภาพความเป็นอยู่โดยทั่วไป แมวที่ใช้ชีวิตกลางแจ้งได้อย่างอิสระจะมีชีวิตที่เป็นธรรมชาติมากกว่า แต่ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บและเสี่ยงต่อการติดโรคได้ง่ายตามไปด้วย บางโรคอาจร้ายแรงจนทำให้แมวถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยโรคที่พบบ่อยๆ ได้แก่


   1. โรคติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจของแมว หรือที่เรียกว่า โรคหวัดแมว (cat flu) ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจของแมว พบได้บ่อยโดยเฉพาะในช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง ซึ่งสาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งเป็นไวรัสจำเพาะในแมว ได้แก่ Feline Viral Rhinotracheitis Virus (FVRC) หรือ Feline Herpevirus (FHV) และ Feline Calici Virus (FCV) ซึ่งสามารถพบการติดเชื้อร่วมกันได้ นอกจากนี้อาจมีอาการติดเชื้อแบคทีเรียอื่นๆ ร่วมด้วยได้ เช่น Bordetella หรือ Chlamydia สำหรับเชื้อ Chlamydia ที่ติดร่วมนั้นจะทำให้แมวมีอาการตาอักเสบ เยื่อบุตาบวมอักเสบ มีขี้ตาเขียว เป็นต้น

 2. โรคไข้หัดแมว (Feline panleukopenia,Feline parvovirus) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่มพาร์โวไวรัสในแมว (Feline parvovirus) หรือ Feline distemper มีผลต่อระบบทางเดินอาหารของแมว พบรายงานการพบโรคนี้มานานแล้ว ซึ่งสามารถพบในแมวทุกตระกูล ไม่ว่าจะเป็น เสือ สิงโต แมวป่า หรือแม้แต่แมวบ้านทุกพันธุ์นอกจากนี้ยังพบได้ในสัตว์ตระกูลอื่นๆ อีก เช่น สกั๊งค์ เฟอเร็ต มิ้งค์ แรคคูน ซึ่งโรคนี้ทำให้แมวมีอาการอาเจียนและท้องเสีย บางครั้งอาจมีอาการหวัดแทรกซ้อน จึงมีคนเรียกชื่อต่างๆ มากมาย เช่น โรคไข้หัดแมว” (Cat distemper) และ โรคลำไส้อักเสบในแมว” (Feline Parvovirus Enteritis) เป็นต้น
     
 3. โรคมะเร็งเม็ดโลหิตขาว หรือโรคลิวคีเมีย (Feline leukemia virus ; FeLV) เกิดจากการติดเชื้อ feline leukemia virus เป็นโรคติดเชื้อโรคหนึ่งที่มีความสำคัญและพบได้บ่อยในแมว เชื้อไวรัสดังกล่าวสามารถติดต่อได้ทั้งแมวเลี้ยง รวมทั้งสัตว์ป่าตระกูลแมว การติดเชื้อ FeLV ในแมวสามารถแบ่งเป็นกลุ่มอาการได้ 2 แบบคือ
      
        - เกิดการกดภูมิคุ้มกันในร่างกายส่งผลให้เกิดความผิดปกติต่างๆแทรกซ้อนได้ง่าย ทำให้เกิดภาวะเลือดจางเรื้อรัง
      
        - เกิดลักษณะก้อนเนื้องอก ก้อนเนื้อมะเร็ง ตามตำแหน่งต่างๆในร่างกายเช่นในช่องอก ช่องท้องและต่อมน้ำเหลืองต่างๆทั่วร่างกาย
         การติดต่อของเชื้อไวรัสชนิดนี้สามารถติดต่อผ่านทางการสัมผัสน้ำลาย ปัสสาวะ น้ำตา หรืออุจจาระของสัตว์ป่วย รวมทั้งการติดเชื้อผ่านจากแม่แมวสู่ลูกแมวในขณะตั้งท้อง ส่วนใหญ่มักพบในแมวที่มีพฤติกรรมอาศัยอยู่นอกบ้าน 

 4. โรคเอดส์แมว (Feline immunodeficiency virus; FIV) เกิดจากการติดเชื้อไวรัส FIV ในกลุ่ม retrovirus แมวป่วยที่ติดเชื้อไวรัสเอดส์แมวจะมีขบวนการก่อโรคที่คล้ายคลึงกับในคน คือ การกดภูมิคุ้มกันของร่างกาย อาการที่พบมักแบ่งออกได้เป็นสามระยะคือ ระยะแรก ภายหลังการติดเชื้อในช่วง 2-3 วันหรืออาจนานถึง 1-2 สัปดาห์ แมวจะมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองตามร่างกายมีการขยายใหญ่ รวมทั้งมีการลดต่ำลงเม็ดเลือดขาวในกระแสเลือด ระยะที่สอง ภายหลังจากการแสดงอาการในระยะแรก แมวป่วยที่ได้รับการติดเชื้อมักอยู่ในระยะที่ไม่แสดงอาการ แต่มีเชื้ออยู่ในร่างกาย รวมทั้งสามารถแพร่เชื้อสู่แมวปกติได้ แมวบางตัวสามารถมีอาการอยู่ในระยะนี้ได้นาน และอาจนานถึงหลายปี ระยะสุดท้าย แมวป่วยจะแสดงอาการป่วยที่ไม่ระบุแน่ชัด ขึ้นอยู่กับระบบที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้เนื่องจากการลดต่ำลงของระดับภูมิคุ้มกันในร่างกาย ระบบการทำงานของอวัยวะที่สามารถพบความผิดปกติได้แก่ ระบบปัสสาวะ ช่องปาก เหงือก ระบบทางเดินหายใจ แมวป่วยมักจะแสดงอาการป่วยเรื้อรังและมีชีวิตได้เพียงไม่นานภายหลังการป่วยระยะนี้ 

 5. โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ (Feline infectious peritonitis ; FIP) เกิดจากการติดเชื้อในกลุ่ม Coronavirus เชื้อไวรัสก่อโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบในแมวจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับเชื้อไวรัสที่ก่อโรคลำไส้อักเสบในแมว หรือ feline enteric coronavirus ซึ่งเป็นเชื้อที่มีความรุนแรงต่ำกว่า เชื้อมีการเกิด mutation และทำให้ก่อความรุนแรงมากขึ้นในแมว โดยทั่วไปเชื้อไวรัสเยื่อบุช่องท้องอักเสบสามารถมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานประมาณ 3-7 สัปดาห์ รวมทั้งสามารถถูกทำลายด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อประเภทต่างๆ การติดเชื้อไวรัสเยื่อบุช่องท้อง สามารถพบได้มากในแมวที่มีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายไม่แข็งแรง เช่น แมวเด็กและแมวแก่ กลุ่มแมวที่เลี้ยงกันแบบหนาแน่นหรือเกิดความเครียด นอกจากนั้นยังสามารถพบได้ในแมวป่วยด้วยโรคระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเช่น โรคลิวคิเมีย โรคเอดส์แมว เป็นต้น โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบสามารถพบได้ในแมวทุกเพศและสายพันธุ์ 

  6.โรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา หรือ Ringworm เป็นโรคที่พบได้บ่อยกับแมวโดยเฉพาะอย่างยิ่งแมวที่มีขนยาวอย่างเช่นพันธุ์เปอร์เซีย เชื้อราที่ก่อโรคในแมวสามารถเกิดจากเชื้อราชนิดต่างๆคือ Microsporum gypseum, Microsporum canis, Trichophyton mentagrophyte โดยเชื้อรา Microsporum canis จัดเป็นเชื้อราที่ก่อโรคชนิดหลักในแมว เชื้อราเหล่านี้จะอาศัยอยู่บนผิวหนังชั้นนอกของแมว รวมถึงบริเวณเล็บและเส้นขน โดยใช้เคอราตินของผิวหนัง เล็บและเส้นขนเป็นอาหารในการเจริญเติบโต ในแมวปกติบางตัวสามารถพบเชื้อราได้บนตัวแมวโดยไม่ก่อให้เกิดรอยโรค ส่วนมากแมวที่อายุยังน้อย แมวแก่ แมวป่วย แมวเครียด มักจะพบความผิดปกติ 

   สุดท้ายนี้ คุณหมอได้ฝากไปถึงคนที่เลี้ยงแมวทุก ๆ ท่านว่า นอกจากจะคอยให้น้ำและอาหารแล้ว เจ้าของแมวควรดูแลสุขภาพและหมั่นสังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของน้องเหมียวแสนรักด้วย หากพบความผิดปกติควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ และควรพาน้องแมวไปรับการฉีดวัคซีนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเพื่อนสี่ขาแสนรักของคุณให้แข็งแรงห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ

ขอบคุณแหล่งที่มาจาก : http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000095005